เรื่อง...ข้อสอบปลายภาค!!!
รายวิชา. การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
ผู้คุมสอบ : อาจารย์ จินตนา สุขสำราญ
จงตอบคำถามต่อไปนี้....
1. ในการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย ท่านต้องศึกษาเรื่องใดบ้าง? (5 คะแนน)
ตอบ. ในการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยนั้น สิ่งแรกที่ครูปฐมวัยต้องคำนึงคือเรื่องพัฒนาการและความพร้อมของเด็ก ซึ่งองค์ประกอบทางภาษานั้นประกอบไปด้วยการพูด การอ่าน การเขียนและการฟัง ครูจะต้องมีเทคนิคและวิธีการสอนให้เด็กเกิดความสนใจในการเรียนรู้ จากนั้นการจัดกิจกรรมที่บูรณาการแบบองค์รวมคือการช่วยให้กับเด็กฝึกทักษะผ่านกิจกรรม การปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริง จะทำให้เด็กเกิดการกระตือรือล้น อยากเรียนรู้อย่างสนุกสนานเพลิกเพลิน สิ่งนี้คือการส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระตามความต้องการของเด็ก
2.การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยมีวัตถุประสงค์อะไร? (5 คะแนน)รายวิชา. การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
ผู้คุมสอบ : อาจารย์ จินตนา สุขสำราญ
จงตอบคำถามต่อไปนี้....
1. ในการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย ท่านต้องศึกษาเรื่องใดบ้าง? (5 คะแนน)
ตอบ. ในการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยนั้น สิ่งแรกที่ครูปฐมวัยต้องคำนึงคือเรื่องพัฒนาการและความพร้อมของเด็ก ซึ่งองค์ประกอบทางภาษานั้นประกอบไปด้วยการพูด การอ่าน การเขียนและการฟัง ครูจะต้องมีเทคนิคและวิธีการสอนให้เด็กเกิดความสนใจในการเรียนรู้ จากนั้นการจัดกิจกรรมที่บูรณาการแบบองค์รวมคือการช่วยให้กับเด็กฝึกทักษะผ่านกิจกรรม การปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริง จะทำให้เด็กเกิดการกระตือรือล้น อยากเรียนรู้อย่างสนุกสนานเพลิกเพลิน สิ่งนี้คือการส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระตามความต้องการของเด็ก
ตอบ. -เพื่อให้เด็กเกิดทักษะในการเรียนรู้ด้านการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียนในการนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
-เพื่อให้เด็กได้ซึมซับจากประสบการณ์ของตัวเด็กเอง เป็นการเกี่ยวเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆเพื่อนำไปใช้ต่อไปในภายภาคหน้า
-เพื่อเป็นการใช้ภาษาในการสื่อสารความหมายในชีวิตประจำวันได้
-เพื่อทราบถึงปัญหาทางภาษาของเด็ก และหาแนวทางในการแก้ปัญหาได้ทันถ่วงที
-เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้มีใช้ภาษาอย่างอิสระ แต่ต้องอยู่ในการดูแลของครูร่วมด้วย
3.หลักการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยมีอะไรบ้าง? (10 คะแนน)
ตอบ. การจัดประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับเด็กนั้นเป็นการส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้ทักษะการใช้ภาษาในรูปแบบต่างๆ อันประกอบไปด้วยทักษะด้านการอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน อาทิเช่นการฟังและการพูด : เด็กเล็กๆนั้นสามารถพัฒนาการพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ เด็กจะเรียนรู้คำศัพท์,การอ่านออกเสียงและรูปแบบการพูด จากการฟังและการพูดของเขานั่นเอง กิจกรรมที่จะส่งเสริมทางด้านการฟังและการพูดนั้น เช่นการฟังเทปนิทาน, การฟังข่าวสารจากวิทยุหรือโทรทัศน์ ,การเล่นเกมส์ และการปฏิบัติตามคำสั่งด้วยวาจา เป็นต้น ซึ่งการฝึกฝนการพูดและการฟังจะพัฒนาให้เกิดความสามารถทางด้านการใช้ภาษาซึ่งเป็นพื้นฐานของการอ่านและการเขียนต่อไปได้ด้วย
การอ่านร่วมกัน : เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่เป็นกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ เด็กๆจะคอยฟังครูผู้สอนและนำมาเป็นแบบอย่าง เด็กเล็กๆสามารถอ่านร่วมไปพร้อมกับครู จากการอ่านในแต่ละครั้งเด็กจะเกิดการเรียนรู้และสามารถอ่านข้อความได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ในครั้งต่อๆไป เด็กจะมีความสนใจในสิ่งที่เขาต้องการ การอ่านหนังสือร่วมกันนี้จะช่วยให้เด้กสนุกสนานกับการอ่านและได้เรียนรู้วิธีใหม่ๆจากผู้อื่นด้วย
การเขียนสะกดคำ : การขีดเขียนอย่างเป็นธรรมชาตินั้น คือการยอมรับการสะกดคำที่เด็กคิดขึ้นเองซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของเด็ก เริ่มแรกเด็กจะยังไม่รู้วิธีสะกดคำที่ถูกต้อง เมื่อเด็กได้รับการส่งเสริมระบบการรวมตัวอักษรให้เป็นคำหรือประโยค เด็กจะสามารถถ่ายทอดทักษะการเขียนลงบนกระดาษจากสิ่งที่เขาได้ยินหรือจากที่เคยเห็นมาได้ จนเมื่อเด็กเกิดความเข้าใจเรื่องของพยัญชนะและเสียง เด็กจะเกิดการเชื่อมโยงสระกับพยัญชนะเข้าด้วยกัน จนสามารถเขียนสิ่งต่างๆตามที่ครูกำหนดให้ได้อย่างถูกต้อง
4. ท่านมีแนวทางในการให้ความรู้กับผู้ปกครองเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาได้อย่างไรบ้าง? (10คะแนน)
ตอบ. ผู้ปกครองหรือพ่อแม่คือผู้ที่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุดดังนั้น พ่อแม่จึงต้องมีบทบาทคอยช่วยเหลือและสนับสนุนให้เด็กได้ฝึกพูด ฝึกอ่านออกเสียงบ่อยๆ เพื่อให้เด็กได้มีความมั่นใจและการกล้าแสดงออก การส่งเสริมทางภาษาให้กับเด็กนั้นเช่น
- การเล่านิทานให้ลูกฟัง เมื่อเล่านิทานจบให้ชวนลูกสนทนา ว่าในนิทานมีตัวละครใดบ้าง และได้อะไรแง่คิดจากนิทานบ้าง เป็นต้น
- การอ่านหนังสือพิมพ์ร่วมกันในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน นอกจากจะเป็นการอัพเดทข่าวสารที่เกิดขึ้นในชีวืตประจำวันแล้ว ยังเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีอีกด้วย
- การพาลูกออกไปทัศนศึกษายังสถานที่ต่างๆ เช่น สวนสัตว์การที่เด็กได้ยินเสียงร้องของสัตว์ต่างๆ เด็กก็จะเกิดการจดจำและเรียนรู้ เสียงของสัตว์ชนิดนั้นถือเป็นการพัฒนาด้านภาษาเช่นกัน
-พ่อและแม่ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้ขีดเขียนหรือเขียนเรื่องราวใหม่ๆที่เด็กได้พบมาในแต่ละวัน พ่อแม่ส่งเสริมโดยการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆเช่น สมุด, ดินสอ, ปากกา และสีให้กับเด็กได้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาอย่างเต็มที่ จากนั้นพ่อแม่ควรใช้พูดชักชวน หรือปฏิบัติไปพร้อมกับเด็กด้วยก็ได้
และสุดท้าย
- สภาพแวดล้อมภายในบ้านถือเป็นหัวใจหลักที่จะเพิ่มแรงกระตุ้นให้เด็กนั้นเกิดการเรียนรู้ เพราะฉะนั้นพ่อและแม่จึงควรจัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับลูกได้มีโอกาสเรียนรู้อย่างอิสระ ตามสิ่งที่เขาสนใจ เช่น การเตรียมหนังสือนิทานไว้บนชั้นที่หยิบง่ายๆเพื่อส่งเสริมด้านการอ่าน , การเตรียมสีชนิดต่างๆให้กับเด็กได้แต่งแต้มศิลปะ พ่อแม่ควรให้สนใจและคำชมเชยกับผลงานของเขา เพื่อให้เด็กนั้นเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานการพูดคุยนั้นก็เป็นการส่งเสริมทางด้านภาษาให้กับเด็ก และ การร้องเพลง บางครอบครัวอาจจะไม่ได้ฐานะร่ำรวยถึงกับมีห้องคาราโอเกะไว้สำหรับการร้องเพลง เพียงแค่บรรยากาศเย็นสบาย ร้องเพลง เหมาะสำหรับการพักผ่อนก็ถือเป็นการส่งเสริมด้านภาษาให้กับลูกเช่นกัน
5. ให้ท่านเลือกกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาที่ท่านชอบมากที่สุด พร้อมให้เหตุผล [ชื่อ, วัตุประสงค์,กิจกรรม,ประเมินผล] (10 คะแนน)
ตอบ. ชื่อกิจกรรม : ทำหนังสือนิทานจากเรื่องที่อ่าน !!!
วัตถุประสงค์ : 1.เพื่อฝึกให้เด็กมีความตั้งใจและเกิดสมาธิขณะฟังนิทาน
2.เพื่อให้เด็กรู้จักคำคุ้นตา, รู้จักรูปร่างและทิศทางของตัวอักษร
3.เพื่อฝึกการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่นและการมีมารยาทในการฟัง
4.เพื่อเสริมสร้างความคิดและจินตนาการให้กับเด็ก
กิจกรรม : ครูให้เด็กๆเลือกวาดภาพและระบายสีจากหน้าต่างๆของนิทานที่เด็กๆสนใจ 1คน ต่อ1ภาพ โดยครูถามว่าใครจะวาดหน้าไหน ครูนำข้อความจากหนังสือนิทานนำมาปะลงใต้ภาพ จากนั้นนำผลงานของเด็กแต่ละคนมาประกอบเข้าเล่ม ครูกับเด็กร่วมกันอ่านหนังสือนิทานที่ทำขึ้น เมื่อจบแล้วให้เด็กๆนำไปเก็บไว้ที่มุมหนังสือเพื่อเก็บไว้อ่านในครั้งต่อไป
การประเมินผล : - สังเกตพฤติกรรมของเด็ก จากการตั้งใจฟังอย่างมีสมาธิ
- สังเกตการมองข้อความในหนังสือ และ การถือหนังสือ
- สังเกตการจากตอบคำถาม
- สังเกตการมองข้อความในหนังสือ และ การถือหนังสือ
- สังเกตการจากตอบคำถาม
ทำเสร็จเร็วดีมาก
ตอบลบแต่เรายังมิเสร็จเลย เซ็ง